พระสมเด็จวัดพระแก้ววังหน้า สีเหลือง พิมพ์พระแก้วเกศทะลุซุ้ม สีประจำวัน ฉัพพรรณรังสี มวลสารแก้วบริสุทธ์ ลงทองคำเปลวแท้
รายละเอียด :
4264
บทความ
Chok Permpool
ผู้ดูแล · 1 กุมภาพันธ์
พระสมเด็จวัดพระแก้ววังหน้า พิมพ์พระแก้วเกศทะลุซุ้ม สีประจำวัน ฉัพพรรณรังสี มวลสารแก้วบริสุทธ์ ลงทองคำเปลวแท้
ความมหัศจรรย์ของพระแก้วมรกต โดย หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
ความมหัศจรรย์ของพระแก้วมรกต"พระแก้วมรกตประดิษฐานอยู่ในประเทศใด ประเทศนั้นจะไม่ว่างจากพระอริยบุคคล พระอริยบุคคลมีอยู่ในประเทศใด
ประเทศนั้นจะไม่ยิ้มด้วยภัยแห่งสงคราม"การเสด็จไปสู่สถานที่ต่างๆ ของพระแก้วมรกตนั้นมีปัจจัย3 อย่าง คือ เพื่อเผยแผ่พระพุทธศาสนา เกิดกลียุคใน
ประเทศนั้น และด้วยความรักและท่านยังบอกอีกว่า วัดพระแก้วนี้เป็นวัดพระพุทธเจ้าโดยเฉพาะ พระสงฆ์อยู่ไม่ได้ เพราะพระสงฆ์มาจาก
ตระกูลต่างๆ ทั้งหยาบทั้งละเอียด ไม่รู้พุทธอัธยาศัยพุทธธรรมเนียม เพราะพระพุทธเจ้าเป็นทั้งกษัตริย์และผู้สุขุมาลชาติ เมื่อพระสงฆ์ไม่รู้พุทธธรรมเนียม
ถ้าไปอยู่ก็มีแต่บาปกินหัวผู้รู้ทั้งพุทธอัธยาศัยและพุทธธรรมเนียมแล้วมีพระมหากษัตริย์องค์เดียวเท่านั้น ครั้งพุทธกาลก็มีพระเจ้าพิมพิสารเท่านั้นทรงรู้ แต่จอมไทย
คือ พระมหากษัตริย์ทรงรู้มาแล้ว ได้ทรงสร้างวัดถวายจำเพาะพระแก้วเท่านั้นพระมหากษัตริย์ไทยทุกพระองค์เป็นหน่อเนื้อพุทธางกูรคือ จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในกาลข้างหน้า ต่างแต่ วาสนาบารมีมากน้อยต่างกันเท่านั้น ท่านจึงทรงรู้พุทธอัธยาศัยเป็นตัวแทนพระพุทธเจ้าผู้ใดย่างกรายเข้าสู่วัดพระแก้วเป็นบุญทุกขณะที่อยู่
ในบริเวณวัด แม้แต่ชาวต่างชาติ มีโอกาสเข้าไปใน บริเวณวัดพระแก้ว จะด้วยศรัทธาหรือไม่ก็ตาม ก็ได้ เข้ามาสู่วงศ์พระพุทธศาสนาโดยปริยาย หรือจะ
บังเอิญก็แล้วแต่ สามารถเป็นนิสัยให้เข้ามาได้ต่อไปจะสามารถมาเกิดเป็นคนไทย สืบต่อบุญบารมีสำเร็จมรรคผลได้
วาละลุกัง สังวา ตังวา สาธุ...
ถ้ายังต้องกลับมาเกิด ขอให้ได้เกิดเป็นมนุษย์ พบพระพุทธศาสนา พบพระนิพพานเทอญ..
ฉัพพรรณรังสี คือสีที่แผ่ออกจากพระวรกายขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มี 6 สี คือ
สีนีละ - สีเขียวเหมือนดอกอัญชัน คือสีน้ำเงินนั่นเอง
สีปีตะ - สีเหลืองเหมือนหรดาลทอง
สีโรหิตะ - สีแดงเหมือนแสงตะวันอ่อน
สีโอทาตะ - สีขาวเงินยวง
สีมัญเชฏฐะ - สีแสดเหมือนหงอนไก่
สีประภัสสร - สีเลื่อมพรายเหมือนแก้วผลึก (คือสีทั้ง 5 ข้างต้นรวมกัน)
แสงเหล่านี้เรียกอีกอย่างว่า วรรณรังสี ซึ่งทั้ง 6 สีถือว่า เป็นสีมงคลของพุทธศาสนิกชน+
ฉัพพรรณรังสีนี้พระพุทธองค์จะเปล่งหรือไม่เปล่งออกก็ได้ ถ้าเปล่งก็เป็นรัศมีที่เห็นได้ด้วยตาเปล่าปรากฏแก่คนทั่วไป และทำให้เกิดความศรัทธาสูงสุด
พระฉัพพรรณรังสีของพระพุทธเจ้า
ในพระธัมมสังคณีภาคหนึ่งเล่มที่ ๑ คัมภีร์ที่ ๑ ในพระอภิธรรมเจ็ดคัมภีร์ บรรยายว่า พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ ทรงแสดงพระอภิธรรม ๗ คัมภีร์
เมื่อพระพุทธองค์ทรงแสดง เริ่มตั้งแต่พระคัมภีร์ที่ ๑ - ๖ เป็นการแสดงให้รู้สภาพธรรมตามความเป็นจริงของปรมัตถธรรมทั้งปวง ระยะนั้นไม่มีความพิศดารแปลกประหลาด
แต่เมื่อทรงแสดงคัมภีร์ที่ ๗ มหาปัฏฐาน อันเป็นพระอภิธรรมประเสริฐยิ่ง ทรงปลื้มปิตี ยินดีอย่างล้นพ้น เกิดพระฉัพพรรณรังสี พระพุทธองค์ทรงพิจารณาธรรมนั้นอยู่ถึง ๗ วัน ด้วยสัพพัญญุตญาณของพระพุทธองค์ทุก ๆ พระองค์
ฉัพพรรณรังสีมี ๖ สี คือ สีเขียว ขาว แดง เหลือง ม่วง และประภัสสร (เลื่อมพราย) ท่านอุปมาว่า
สีเขียว - นิลกะ สีเขียวเข้มเหมือนดอกอัญชัน ดอกสามหาว กลีบบัวเขียวที่ซ่านออกไปจากพระเกสา คือ ผม และพระมัสสุ (หนวด) ออกมาจากสีเขียวแห่งพระเนตรทั้งสอง
สีขาว - โอทาตะ สีขาวเหมือนแผ่นเงิน เหมือนน้ำนม และดอกโกมุท ดอกย่านทรายและมลิวัลย์ ซ่านออกมาจากพระอัฐิ (กระดูก) พระทนต์ (ฟัน) และสีขาวออกจากพระเนตรทั้งสอง
สีแดง - โลหิต แดงเหมือนสีตะวันทอง สีผ้ากัมพล ดอกชัยพฤกษ์ ดอกทองกวาว ดอกชบา ที่ออกมาจากพระมังสะ (สีเนื้อ) พระโลหิต (สีเลือด) ซ่านออกมาจากพระเนตรทั้งสอง
สีเหลือง - ปิตะ สีเหมือนแผ่นทองคำ สีเหลืองเหมือนผงขมิ้น ดอกกรรณิการ์ที่ซ่านออกมาจากพระฉวีวรรณ(ผิว)
สีม่วง - มันชิถะ เหมือนสีเท้าหงส์ที่เรียกว่า หงสบาท สีดอกหงอนไก่ สีม่วงแดง ที่ซ่านออกมาจากพระสรีระ (ร่างกาย)
สีประภัสสร - สีเลื่อมพราย เหมือนสีแก้วผลึกที่เรียกว่า สีเลื่อมประภัสสร ออกมาจากพระสรีระเช่นกัน
ฉัพพรรณรังสีที่ซ่านออกมาหลังจากทรงพิจารณาพระอภิธรรมเจ็ดคัมภีร์มาถึงคัมภีร์มหาปัฏฐาน ในเบื้องต้นฉัพพรรณรังสีออกจากพระวรกายไปสู่เบื้องล่าง
จากมหาปฐพีใหญ่ อันหนาถึงสองแสนสี่หมื่นโยชน์ รัศมีเหล่านั้นลอดทะลุแผ่นดิน ลงไปจับน้ำในแผ่นดินหนาถึงสี่แสนแปดหมื่นโยชน์ รัศมีเหล่านั้นเมื่อเจาะทะลุลมแล้ว แล่นลงไปสู่อัชฎากาส อากาศว่าง ๆ ภายใต้ลม
ฉัพพรรณรังสีที่แผ่ไปสู่เบื้องบนแผ่ไปตั้งแต่มนุษย์และเทวภูมิ ๖ คือ จากนั้นแผ่ไปยังพรหมโลก ตั้งแต่ชั้นพรหมปาริสัชชา จนถึงชั้นสุทธาวาส ๕ แล้วแล่นไปสู่อัชฎากาส
ฉัพพรรณรังสีที่ไปสู่เบื้องขวาอันหาที่สุดมิได้ ไม่มีรัศมีใด ๆ ที่เทียบเท่าได้เลย แม้รัศมีของพระอาทิตย์ พระจันทร์ ดวงดาว และเทวดาทั้งหลายก็สู้ไม่ได้
ฉัพพรรณรังสีที่ปรากฏในบรรดาพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ จะให้ผู้อื่นมองเห็นหรือมองไม่ให้ก็ได้ แต่มีฉัพพรรณรังสีของพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งพระนามว่า พระมังคละพุทธเจ้า
มีพระรัศมีแผ่ไปมากกว่าพระพุทธเจ้าพระองค์อื่น ๆ คือ มีรัศมีแผ่ไปแสนโกฏิโลกธาตุ (แสนโลกธาตุเท่ากับแสนจักรวาล จักรวาลหนึ่งเท่ากับ ๓๑ ภูมิ)
ส่องสว่างเป็นรัศมีสีทองทั่วไปตลอดทั้งกลางวันกลางคืน กลบแสงจากดวงจันทร์และดวงอาทิตย์จนสิ้น ประชาชนจะรู้ได้ว่าเป็นกลางวันจากเสียงนกร้อง เป็นเวลากลางคืนเมื่อดอกไม้บาน
เหตุที่พระมังคละพุทธเจ้าทรงมีฉัพพรรณรังสีส่องสว่างโดยตลอดนั้น เพราะสมัยเมื่อเป็นพระโพธิสัตว์ ยักษ์ตนหนึ่งได้ปลอมตัวเป็นพราหมณ์ได้มาขอบุตรสองคนจากพระโพธิสัตว์
พระองค์ทรงบริจาคให้โดยถือว่าเป็นบารมีไปสู่โพธิญาณ พอยักษ์ได้เด็กแล้วก็กินเด็กทั้งสองต่อหน้าพระโพธิสัตว์ พระโพธิสัตว์เห็นแล้วไม่มีความเสียพระทัยแม้เพียงปลายผม
http://www.buddha-dhamma.com/index.php…
https://www.phuttha.com/…/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8…
http://www.komchadluek.net/news/lifestyle/120762
โทร:
ราคา: 0 บาท
หมวดพระ: พระยอดนิยมทั่วไป-พระสมเด็จ