พระกริ่งจีน ยันต์สวัสดิกะ เนื้อนวะ กลับดำ
รายละเอียด :
5388/sp/กริ่งไม่ดัง
-------------------------------------
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
สวัสติกะ (ภาษาอังกฤษ: Swastika; สันสกฤต स्वस्तिक svastika) เป็นเครื่องหมายกากบาทที่ตรงส่วนปลายทำมุมฉาก โดยมีทั้งลักษณะที่ทิศทางด้านซ้าย (卍) หรือด้านขวา (卐) เครื่องหมายสวัสติกะ มีการใช้เป็นสัญลักษณ์ใน ศาสนาฮินดู, ศาสนาเชน และ พระพุทธศาสนา ในประเทศตะวันตกรู้จักกันมากในสัญลักษณ์ของฝ่ายนาซี โดยสวัสติกะของนาซีจะเอียงทำมุม 45 องศากับแนวระนาบ
สวัสติกะของฮินดูจะมีจุด ประดับที่มุมต่างๆ ของสัญลักษณ์
สัญลักษณ์สวัสติกะของฝ่ายนาซี จะมีลักษณะทิศทางทางด้านขวา (卐) หากสังเกตดูจะพบว่าเป็นรูปอักษรโรมันตัว S 2 ตัวซ้อนกัน ซึ่งย่อมาจากคำในภาษาเยอรมัน โดย S ตัวหนึ่งมาจากคำว่า "Stadt" แปลว่า บ้านเมือง และอีกตัวหนึ่งมาจากคำว่า "Sicherheit" แปลว่า ปลอดภัย
สวัสติกะรูปแบบต่างๆ
**************************************
บทความเรื่อง "สวัสดิกะ" จากหนังสือพิมพ์มติชน
คำ ""สวัสดิกะ"" ท่านว่ามาจาก สุ + อัสดิ + กะ แปลประมาณว่า ""ความสุขสวัสดีจงมี"" คล้ายๆ กับคำว่า สวัสดี หรือโสตถิ ที่มีใช้กันมาเนิ่นนานมากนับพันๆ ปีที่อินเดียโบราณ รวมทั้งในประเทศไทยเราด้วยโดยมีหลักฐานจากศิลาจารึกหลายหลัก
เช่น หลักที่ 23 วัดศาลามีชัย เมืองนครศรีธรรมราช เมื่อพุทธศตวรรษที่ 14 ที่ขึ้นต้นว่า "โสตถิ" อันเป็นที่มาของคำว่า "สวัสดี" ที่ใช้กันเป็นปกติทั่วทั้งประเทศไทยทุกวันนี้ แต่ก็มีปัญหาที่ไม่ค่อยพบคำว่าสวัสดิกะในพระคัมภีร์ซึ่งมักมีแต่คำสวัสดี ท่านว่ามีพบคำสวัสดิกะในมหากาพย์รามายานะ รวมทั้ง มหาภารตะ และอื่นๆ ซึ่งมีการให้นิยามความหมายโดยสรุปว่าคือ "เครื่องหมายแห่งมงคล พร โชค ลาภ และอายุยืน"
ส่วน "รูปสัญลักษณ์กากบาทต่อหางตั้งฉากในทางเดียวกันทั้ง 4" ไม่ว่าจะตามเข็มหรือทวนเข็มนาฬิกานั้น พบได้ทั่วทั้งโลกโบราณบนชิ้นส่วนภาชนะหรือเครื่องใช้เครื่องประดับตกแต่ง ไม่ว่าจะที่ซูซาในเปอร์เซียโบราณ ฮารัปปาและโมเหนโชดาโรในปากีสถานโบราณ และสุเมอเรียในดินแดนเมโสโปเตเมียโบราณ รวมทั้งในดินแดนกรีก โรมันและอียิปต์โบราณด้วย
แม้ในโลกปัจจุบันนี้ก็พบมีการใช้ตราสวัสติกะอย่างแพร่หลายทั้งในดินแดนแห่งศาสนาฮินดูทั้งที่อินเดียและอินโดนีเซีย และดินแดนแห่งพุทธศาสนาทั่วทั้งเอเชียอาคเนย์ ตลอดจนทิเบต จีน เกาหลีและญี่ปุ่น
มีการตีความและตั้งสมมติฐานกันอย่างมากมายทั้ง เรื่องนิยามความหมายและที่มาของรูปสัญลักษณ์ นับได้เป็นร้อยพันสมมติฐาน โดยจำนวนมากเวียนวนอยู่กับ "ความหมายแห่งการเคลื่อนไหวหรือพลวัตที่หมุนวน โดยมีศูนย์กลางเป็นหนึ่งกับอีกสี่สาแหรก ซึ่งมีการตีความตามหมวด 4 ได้มากมาย" ไม่ว่าจะเป็น 4 ทิศ 4 เทพ 4 โลก 4 วรรณะ 4 อาศรม เช่น เป็นสัญลักษณ์ของการรวมกันของทั้ง 4 วรรณะ
ที่ยืนยันนั้น มีการใช้อย่างแพร่หลายใน 3 ศาสนาสำคัญคือ "ฮินดู พุทธ และ เชน" โดยใน ศาสนาฮินดู นั้นเชื่อถึงขนาดว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งชนเผ่าอารยันที่เก่า แก่ที่สุด หมายถึง พระพรหม พระวิษณุ และ พระศิวะ ผู้สร้าง ผู้ปกปักรักษาและผู้ทำลายล้าง ในขณะที่ของ ศาสนาพุทธ นอกจากพบใช้ในจารึกที่นิยมนำมาขึ้นต้นหรือตอนจบแล้ว ยังพบใช้เป็นหนึ่งใน 65 ตรามงคลที่ฝ่าพระพุทธบาท ส่วนศาสนาเชนนั้นยกให้เป็นสัญลักษณ์สำคัญอันดับแรกใน 8 สัญลักษณ์มงคล
ที่ถูกใช้ครั้งใหญ่และเป็นที่จดจำกันทั้งโลกนั้นเกิดขึ้นเมื่อร้อยปีที่แล้ว (ตั้งแต่ พ.ศ.2450) เมื่อ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ แห่งพลพรรค นาซี เยอรมัน เรียนรู้ว่าสัญลักษณ์นี้มีความหมายดี แล้วตีความหมายว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งบรรพชนเยอรมันแห่งเผ่าพันธุ์อารยันที่ เข้ามาจากอินเดียพร้อมลัทธิถือชั้นวรรณะ แล้วยึดมั่นการฟื้นคืนเผ่าพันธุ์พร้อมกับการกำจัดและชำระความแปดเปื้อนจน เกิดเป็นมหาโศลกโศกนาฏกรรมสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยฮิตเลอร์ใช้ "ดวงตราสวัสดิกะนี้เป็นสัญลักษณ์พันธกิจแห่งชัยชนะของเผ่าพันธุ์อารยันผู้ริเริ่มและสร้างสรรค์" ซึ่งลงเอยอย่างที่รู้กันทั่วทั้งโลกว่าไม่ได้เป็นเช่นนั้น
จนเมื่อปี 2548 ได้มีการเสนอต่อที่ประชุมประชาคมยุโรปให้มีการห้ามใช้ตราสวัสดิกะนี้ทั่ว ทั้งยุโรปในฐานะซากเดนของนาซีที่ไม่พึงประสงค์ ร้อนถึงพี่น้องชาวฮินดูทั้งหลายต้องออกมาร้องทุกข์ว่า ดวงตรานี้ที่แท้แล้วเป็นตรามงคลแห่งสันติที่แพร่หลายมาแล้วกว่า 5,000 ปี
"กลับมาที่เขาสามแก้ว นอกจากพบลูกปัดหินผลึกคริสตัลใสรูปสวัสดิกะแล้ว ยังพบลูกปัดรังผึ้งเขียนลายสวัสดิกะอีกชิ้นหนึ่ง รวมทั้งหลักฐานอื่นร่วมสมัยประมาณพุทธศตวรรษต้นๆ ซึ่งเวลาสอดคล้องพอดีกับข้อสรุปข้างต้นจนอาจตั้งเป็นอีกสมมติฐานได้ว่า รอยสวัสดิกะนี้ที่มีหมายถึงสวัสดีและสันติภาพนี้ อาจเข้ามาจากอินเดียเมื่อสมัยนั้นซึ่งยังไม่มีนิยามอย่างนาซีแน่นอน"
โทร: 0614901584
ราคา: 0 บาท
หมวดพระ: พระยอดนิยมทั่วไป-พระกริ่ง-ลอยองค์-รูปหล่อ