จำนวนคนอ่านล่าสุด 1385 คน

พระกริ่งจีนใหญ่/กริ่งดัง ลื่นไหล ใส กังวาล


พระกริ่งจีนใหญ่/กริ่งดัง ลื่นไหล ใส กังวาล

พระกริ่งจีนใหญ่/กริ่งดัง ลื่นไหล ใส กังวาล

พระกริ่งจีนใหญ่/กริ่งดัง ลื่นไหล ใส กังวาล

พระกริ่งจีนใหญ่/กริ่งดัง ลื่นไหล ใส กังวาล

พระกริ่งจีนใหญ่/กริ่งดัง ลื่นไหล ใส กังวาล

พระกริ่งจีนใหญ่/กริ่งดัง ลื่นไหล ใส กังวาล


รายละเอียด :

7:77777/-7/0486

พระกริ่ง องค์ในภาพมิใช่องค์ในบทความ

*************************************

บทความ สาระพระเครื่อง//สารานุกรมพระเครื่อง

พระกริ่งใหญ่

พระกริ่งใหญ่

พระกริ่งที่ในสังคมพระเครื่องนิยมกันนั้น ได้แบ่งออกเป็นประเภทใหญ่ๆคือ 

๑. พระกริ่งนอก ซึ่งหมายถึงพระกริ่งที่สร้างจากภายนอกประเทศไทย(ต่างประเทศ) และที่นิยมกันก็มีอยู่หลายชนิด

๒. พระกริ่งใน หมายถึงพระกริ่งที่สร้างในประเทศไทย

พระกริ่งที่จะกล่าวถึงเป็นอันดับแรกจะกล่าวถึงพระกริ่งนอกก่อน ซึ่งต่อมาจะเป็นต้นแบบในการสร้างพระกริ่งในประเทศไทยในเวลาต่อมา พระกริ่งนอกที่เป็นที่นิยมกันมากนั้น สามารถจัดอันดับเป็น

“พระกริ่งชุดเบญจภาคีพระกริ่งนอก” องค์แรกได้แก่พระกริ่งใหญ่เป็นอันดับแรกที่จะกล่าวถึง

พระกริ่งใหญ่ ถือว่าเป็นพระกริ่งที่เก่าแก่ที่สุดของพระกริ่งนอกที่ในสังคมวงการพระนิยมกัน มีกำเนิดที่ประเทศจีน ในมณฑล ซัวไซ สันนิษฐานว่า สร้างในสมัยราชวงศ์ถัง (พ.ศ. ๑๑๖๑ – ๑๔๕๐) พระกริ่งใหญ่ สร้างเป็นองค์พระไภษัชยคุรุไวฑูรยประภาตถาคต ตามแบบพุทธมหายาน ได้จุติลงมาเพื่อช่วยเหลือสรรพสัตว์ด้วยการสร้างสมอำนาจบารมีของพระมานุษิพุทธเจ้า และการสร้างประติมากรรมในรูปลักษณ์พระกริ่งแบบแรกได้เกิดขึ้นในช่วงนี้(พุทธศตวรรษที่ ๑๔) และยังเป็นต้นแบบในการสร้างพระกริ่งต่อมาอีกหลายยุคในประเทศจีน

ต่อมาเมื่อมีการสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างประเทศ ระหว่างประเทศจีนกับประเทศต่างๆในดินแดน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พระกริ่งใหญ่(พระกริ่งจีนใหญ่)จึงได้ถูกนำติดตัวมากับเรือสำเภาของพ่อค้าวานิช และเผยแพร่เข้ามาในดินแดนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในเวลาต่อมา สำหรับในประเทศไทยมีผู้เคยพบพระกริ่งใหญ่ในสถูปร้าง ๒ องค์ในบริเวณเมืองเก่ากรุงศรีอยุธยา

มูลเหตุที่มักเรียกกันว่า พระกริ่งใหญ่ก็เนื่องจากพุทธลักษณะขององค์พระอวบอ้วน และมีขนาดเขื่อง พระพักตร์เป็นแบบพุทธศิลปะจีน ในครั้งแรกๆก็มักเรียกกันว่า “พระกริ่งจีนใหญ่” ตามรูปลักษณ์ที่เห็น ต่อมาจึงเรียกกันสั้นๆว่า “พระกริ่งใหญ่” ก็เข้าใจกันในความหมาย

พุทธลักษณะเป็นแบบ ประทับนั่งปางมารวิชัยบนฐานกลีบบัว ๒ ชั้น ชั้นละ ๗ กลีบ พระหัตถ์ซ้ายทรงถือวชิระ ก้นของพระกริ่งมักทำเป็นแบบก้นกลวง แล้วบรรจุเม็ดกริ่งไว้ภายใน แล้วปิดด้วยแผ่นโลหะชนิดเดียวกับเนื้อพระ และมักเห็นเป็นแอ่งบุ๋มที่ด้านก้นของพระกริ่ง เมื่อเขย่ามักมีเสียงดังกริ๊กๆอยู่ภายใน  กล่าวกันว่าเมื่อภาวนาและเขย่าให้มีเสียงกริ่งจากพระที่สร้างทำนองนี้ได้กังวานขึ้นในครั้งใด จะได้ยินไปถึงองค์ไภษัชยคุรุทันที พระองค์ท่านจะทรงประทานความรุ่งโรจน์ และปกป้องกันภยันตรายให้แก่บุคคลผู้นั้นได้ตามปรารถนาทุกประการ

พระกริ่งใหญ่ เนื้อพระเป็นโลหะผสมแก่ทองเหลือง หรือที่เรียกกันว่า “เนื้อทองดอกบวบ”  วรรณะออกสีเหลือง ผิวนอกออกเป็นสีมันเทศหรือน้ำตาลแก่ ปัจจุบันหายากยิ่ง และมูลค่าสูงมาก

*************************************

พระกริ่งใหญ่

"ได้รับการยกย่องให้เป็นยอดพระกริ่งชั้นนำอันดับหนึ่งของพระกริ่งนอกทั้งหมด และหาดูได้ยากมาก มีถิ่นกำเนิดอยู่ ประเทศจีน"

“พระกริ่งใหญ่” ได้รับการยกย่องให้เป็นยอดพระกริ่งชั้นนำอันดับหนึ่งของพระกริ่งนอกทั้งหมด และหาดูได้ยากมาก มีถิ่นกำเนิดอยู่ ณ มณฑลซัวไซ ประเทศจีน ในราวสมัย "ราชวงศ์ถัง" แรกเริ่มเดิมทีเป็นที่นิยมอย่างมากในจีน ต่อมาขยายไปยังเขมร และเข้ามาสู่ประเทศไทยเมื่อครั้งสมัยกรุงศรีอยุธยา ถ้านับอายุจนถึงปัจจุบันก็คงยืนยาวกว่าพันปีขึ้นไปทีเดียว

พระกริ่งใหญ่ เป็นพระเนื้อโลหะสัมฤทธิ์ สีทองดอกบวบ ผิวสนิมหุ้มออกเป็นสีมันเทศหรือน้ำตาลแก่ ก้นปิดเป็นแอ่งแบบกระทะ ด้วยเนื้อโลหะที่ค่อนข้างแก่ทองเหลือง เขย่าแล้วจะเกิดเสียงดังกังวาน แต่บางองค์ก้นกลวงโดยไม่ปิดก็มี ใช้กรรมวิธีการหล่อแบบลอยองค์ สร้างเป็นรูปสมมติแทนองค์ "พระไภษัชคุรุ" ในลัทธิมหายาน โดยใช้แม่พิมพ์แบบ "พิมพ์ประกับ" หรือ "พิมพ์ประกบ" คือมีแม่พิมพ์ 2 ชิ้นเป็นพิมพ์ประกบด้านหน้าและด้านหลัง ดังนั้น จึงปรากฏตำหนิเป็น “รอยตะเข็บ” ที่ด้านข้างขององค์พระทุกองค์ จะมีมากน้อยต่างกันไป และจากพุทธลักษณะที่ใหญ่อวบขององค์พระ จึงให้ชื่อพระกริ่งนี้ว่า "พระกริ่งใหญ่" เมื่อพิจารณาที่พระพักตร์หรือพระเนตรแล้ว จะสามารถชี้ชัดได้เลยว่าเป็นศิลปะที่เกิดจากสกุลช่างจีนบริสุทธิ์จริงๆ

"พระกริ่งใหญ่" มีพุทธลักษณะที่สง่า งดงาม แลดูอิ่มเอิบ องค์พระประทับนั่ง แสดงปางมารวิชัย บนฐานกลีบบัวซ้อน 2 ชั้น ชั้นละ 7 กลีบ พระหัตถ์ขวาวางพาดบนพระเพลา พระหัตถ์ซ้ายทรงวชิราวุธ พระเศียรค่อนข้างใหญ่ ด้านหลังแบนลาดกว่าด้านหน้ามาก พระเกศเป็นแบบมุ่นเมาลี 3 ชั้น ด้านหน้าระหว่างพระเมาลีชั้นล่างสุดและชั้นที่ 2 ประดับแซมด้วยรูป “พระจันทร์ครึ่งซีก” เม็ดพระเกศเป็นตุ่มนูน เว้นช่องอย่างสม่ำเสมอ แสดงถึงความละเอียดประณีตในการสร้าง มีทั้งหมด 14 เม็ด ไม่มีซ้ำหรือแซม อันเป็นเอกลักษณ์สำคัญประการหนึ่ง กรอบไรพระเกศายกสูงกว่าพระนลาฏมากเป็นพิเศษ พระเนตรตอกเป็นเส้นลึก เฉียงขึ้นด้านบนเล็กน้อย ที่เรียกว่า "ตาจีน" พระนาสิกโด่งเป็นสัน ตรงปลายขยายบานออก พระโอษฐ์เป็นเส้นโค้ง ด้านบนกว้างกว่าด้านล่าง มุมพระโอษฐ์ทั้งสองตอกลึกลงไป วงพระพักตร์อิ่มอวบอูม ลักษณะคล้ายรูปสี่เหลี่ยมมน พระหนุจะเห็นอยู่ในทีไม่ปรากฏเด่นชัด พระกรรณข้างขวาสั้นกว่าข้างซ้ายและไม่ติดพระอังสา ส่วนพระกรรณด้านซ้ายจรดพระอังสาพอดี พระอังสาทั้ง 2 ข้างลาดมนกลมกลืนไม่มีแง่มุมใดๆ เลย พระอุระอวบอูมและวาดเข้าหาพระกัจฉะ ฐานผ้าทิพย์ด้านหน้าพระเพลาแบนราบ และดูพลิ้วอยู่ในที เส้นชายจีวรและสังฆาฏิตลอดจนเส้นอาสนะเหนือฐานบัวด้านหน้า เป็น “เม็ดไข่ปลา”นูนกลมละเอียดงดงาม สัณฐานบัวเป็นรูปสี่เหลี่ยมแบบ “บัวจีน” เม็ดบัวเป็นตุ่มกลมนูน และร่องบัวทั้งสองเป็นร่องลึก

เมื่อมีโอกาสได้พินิจพิจารณาพุทธลักษณะของ "พระกริ่งใหญ่" แล้ว จะเกิดความรู้สึกอิ่มเอิบเยือกเย็น ให้แรงบันดาลใจอันเปี่ยมสุขได้อย่างน่าอัศจรรย์ อาจจะสืบเนื่องจากความยิ่งใหญ่ของพระกริ่งใหญ่นี้เอง จึงเป็นแรงบันดาลใจให้สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ วัดบวรนิเวศวิหาร และสมเด็จพระสังฆราช (แพ) วัดสุทัศนเทพวราราม ทรงจำลองแบบอย่างการจัดสร้างพระกริ่งมาจากพระกริ่งใหญ่ ทั้งสิ้น จึงถือได้ว่า "พระกริ่งใหญ่" เป็นต้นแบบในการสร้าง “พระกริ่ง” ในสยามประเทศเลยทีเดียว

โดย อ.ราม วัชรประดิษฐ์

 

โทร: 0972297060

ราคา: 0 บาท

หมวดพระ: พระยอดนิยมทั่วไป-พระกริ่ง-ลอยองค์-รูปหล่อ

0 ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบ ไม่สามารถโพสบทความหรือแสดงความคิดเห็นได้ เข้าสู่ระบบ