จำนวนคนอ่านล่าสุด 926 คน

พระสมเด็จ อกครุจ หยดน้ำยา หาอายุพระ โดยประมาณ


พระสมเด็จ อกครุจ หยดน้ำยา หาอายุพระ โดยประมาณ

พระสมเด็จ อกครุจ หยดน้ำยา หาอายุพระ โดยประมาณ


รายละเอียด :

4/0597

 องค์พระในรูปไม่ใช่องค์ในบทความ

----------------------------------------------------

Chok Permpool Gallery Phra Somdej Phra Somdej Toh

Public

Jan 12, 2017

พระสมเด็จวัดระฆัง พิมพ์หน้าโหนกอกครุฑ(จำลองแบบ"พระพุทธอนันตคุณอดุลญาณบพิตร"พระประธานในพระอุโบสถวัดราชโอรส)(เจ้าสัว"ร.3" มหาเศรษฐี) พิมพ์นี้พุทธคุณ ท่านผู้มีบุญครอบครองบูชา("การค้ามีรายได้เพิ่มมากขึ้นเจริญรุ่งเรืองมั่นคง"พร้อมมีหลักธรรมครองตน) พิมพ์การสมโภชวัดราชโอรส ("พระพุทธอนันตคุณอดุลญาณบพิตร"พระประธานในพระอุโบสถวัดราชโอรสเป็นพระพุทธรูปที่สร้างได้งดงามกว่าพระพุทธรูปองค์อื่นที่สร้างในสมัยเดียวกัน)ณ วันอาทิตย์ เดือน ๒ ขึ้น ๑๓ ค่ำ พ.ศ. ๒๓๗๔
(ตรงกับวันที่ ๑๕ มกราคม พ.ศ. ๒๓๗๔)
วรรณะพุทธลักษณ์ลงรักปิดทอง
โปรดเกล้าฯ ให้มีการสมโภชวัดราชโอรส ซึ่งสถาปนาสำเร็จแล้ว พร้อมกับวัดอื่นๆ เช่น
วัดราชสิทธาราม วัดภคนีนาถ วัดโมลีโลกยาราม วัดอรุณราชวราราม วัดระฆังโฆสิตาราม
วัดพระยาทำ วัดสุวรรณ และวัดสระเกศ ซึ่งวัดเหล่านี้ได้ทรงบูรณะใหม่ การยังไม่สำเร็จ
แต่โปรดเกล้าฯ ให้สมโภชพร้อมกันเสียครั้งหนึ่งก่อน

------------------------------------------------

Chok Permpool Gallery Phra Somdej Phra Somdej Toh

Public

Jan 12, 2017

พระสมเด็จวัดระฆัง พิมพ์หน้าโหนกอกครุฑ(เจ้าสัว"ร.3" มหาเศรษฐี นับได้ว่าเป็นพระสมเด็จ"เจ้าสัว" อีกพิมพ์หนึ่งที่เดียว พระองค์ทรงสนับสนุนส่งเสริมการค้าขายกับต่างประเทศ ทั้งกับชาวเอเชียและชาวยุโรป โดยเฉพาะอย่างยิ่งการค้ากับจีนมาตั้งแต่เมื่อครั้งพระองค์ทรงดำรงพระอิสสริยศเป็นกรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ ส่งผลให้พระคลังสินค้ามีรายได้เพิ่มมากขึ้น ท่านผู้มีบุญวาสนาได้ครอบครองบูชาพระสมเด็จ"เจ้าสัว" พิมพ์นี้ "การค้ามีรายได้เพิ่มมากขึ้นเจริญรุ่งเรืองมั่นคง"พร้อมมีหลักธรรมครองตน
) การสมโภชวัดราชโอรส ("พระพุทธอนันตคุณอดุลญาณบพิตร"พระประธานในพระอุโบสถวัดราชโอรสเป็นพระพุทธรูปที่สร้างได้งดงามกว่าพระพุทธรูปองค์อื่นที่สร้างในสมัยเดียวกัน)ณ วันอาทิตย์ เดือน ๒ ขึ้น ๑๓ ค่ำ พ.ศ. ๒๓๗๔
(ตรงกับวันที่ ๑๕ มกราคม พ.ศ. ๒๓๗๔)
วรรณะพุทธลักษณ์ลงรัก
โปรดเกล้าฯ ให้มีการสมโภชวัดราชโอรส ซึ่งสถาปนาสำเร็จแล้ว พร้อมกับวัดอื่นๆ เช่น
วัดราชสิทธาราม วัดภคนีนาถ วัดโมลีโลกยาราม วัดอรุณราชวราราม วัดระฆังโฆสิตาราม
วัดพระยาทำ วัดสุวรรณ และวัดสระเกศ ซึ่งวัดเหล่านี้ได้ทรงบูรณะใหม่ การยังไม่สำเร็จ
แต่โปรดเกล้าฯ ให้สมโภชพร้อมกันเสียครั้งหนึ่งก่อน โดยมีหมายกำหนดการสรุปได้ดังนี้
ณ วันอาทิตย์ เดือน ๒ ขึ้น ๑๓ ค่ำ พ.ศ. ๒๓๗๔
(ตรงกับวันที่ ๑๕ มกราคม พ.ศ. ๒๓๗๔)
ได้ถวายผ้าไตรจีวรแด่พระสงฆ์ที่เจริญพระพุทธมนต์ที่วัดราชโอรสาราม
และพระสงฆ์ที่มาเจริญพระพุทธมนต์พระอารามอื่นทุกๆ พระอารามดังกล่าวข้างต้น
โดยโปรดเกล้าฯ ให้มารับไตรจีวรที่วัดราชโอรสาราม
รุ่งขึ้นวันจันทร์ เดือน ๒ ขึ้น ๑๔ ค่ำ
(ตรงกับวันที่ ๑๖ มกราคม พ.ศ. ๒๓๗๔)
เป็นวันที่พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์เย็น สมโภชพร้อมกัน
มีมหกรรมทุกพระอาราม เฉพาะที่วัดราชโอรสารามโปรดเกล้าฯ
ให้ปลูกพลับพลาที่ริมคลองหน้าวัด
และโปรดเกล้าฯ ให้มีโขนโรงใหญ่ชักรอกตรงหน้าพลับพลาด้วย
เกณฑ์เรือประพาสข้าราชการร้องสักวาดอกสร้อย ที่บริเวณเกาะหน้าพลับพลา
ครั้นตกเวลาเย็น ได้เสด็จพระราชดำเนินทางชลมารคประทับเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์
เป็นกระบวนพยุหยาตรา มีเรือกระบวนรูปสัตว์
มาประทับทรงสดับพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ทั้ง ๓ วัน
ที่เป็นกำหนดงานสมโภชพระอาราม
พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓
ทรงมีพระราชศรัทธาอย่างมั่นคงในพระบวรพุทธศาสนาเป็นอย่างยิ่ง
ได้ทรงสร้างและปฏิสังขรณ์พระอารามไว้เป็นจำนวนมากในรัชกาลของพระองค์
ถึงกับกล่าวกันว่า ในรัชกาลที่ ๓ ถ้าใครใจบุญชอบสร้างวัดวาอารามก็เป็นคนโปรด
แต่วัดที่ทรงสร้างด้วยฝีมือประณีต มีแบบอย่างศิลปกรรมที่แปลกและงดงามเป็นพิเศษ
จนเป็นที่เลื่องลือกล่าวขวัญกันมาก เห็นจะไม่มีวัดไหนเสมอ วัดราชโอรสาราม
พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหาเจษฎาราชเจ้า เป็นพระมหากษัตริย์ไทย รัชกาลที่ 3 แห่งราชวงศ์จักรี
พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวเป็นพระราชโอรสพระองค์ใหญ่ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย และพระองค์แรกที่ประสูติแต่เจ้าจอมมารดาเรียม เสด็จพระราชสมภพเมื่อ วันจันทร์ แรม 10 ค่ำ เดือน 4 ปีมะแม เวลาค่ำ 10.30 นาฬิกา (สี่ทุ่มครึ่ง) ตรงกับวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2330 ซึ่งภายหลังพระราชชนนีได้รับการสถาปนาเป็นกรมสมเด็จพระศรีสุลาลัย พระองค์เสวยราชสมบัติเมื่อวันอาทิตย์ เดือน 9 ขึ้น 7 ค่ำ ปีวอก ซึ่งตรงกับวันที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2367 รวมสิริดำรงราชสมบัติได้ 27 ปี
ทรงมีเจ้าจอมมารดา และเจ้าจอม 5 พระองค์ มีพระราชโอรส-ราชธิดา ทั้งสิ้น 51 พระองค์ เสด็จสวรรคต เมื่อวันพุธ เดือน 5 ขึ้น 1 ค่ำ ปีกุน โทศก จุลศักราช 1212 เวลา 7 ทุ่ม 5 บาท ตรงกับวันที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2394 รวมพระชนมพรรษา 64 พรรษา
เมื่อสมเด็จพระราชชนกได้เสด็จขึ้นครองราชย์เป็นรัชกาลที่ 2 ใน พ.ศ. 2352 พระองค์จึงได้เลื่อนฐานันดรศักดิ์ขึ้นเป็นพระองค์เจ้าชั้นเอก ออกพระนามว่า พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าชายทับ จนปี พ.ศ. 2356 ได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ทรงกรม เป็น พระเจ้าลูกยาเธอ กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์
เมื่อกรมหมื่นเจษฎาบดินทร์เสด็จเถลิงถวัลย์ครองราชสมบัติแล้ว ทรงออกพระนามเต็ม ตามพระสุพรรณบัฏว่า "พระบาทสมเด็จพระบรมราชาธิราชรามาธิบดี ศรีสินทรบรมมหาจักรพรรดิราชาธิบดินทร์ ธรณินทราธิราช รัตนากาศภาสกรวงศ์ องค์ปรมาธิเบศร์ ตรีภูวเนตรวรนายก ดิลกรัตนราชชาติอาชาวไสย สมุทัยดโรมน สากลจักรวาลาธิเบนทร์ สุริเยนทราธิบดินทร์ หริหรินทราธาธิบดี ศรีสุวิบูลย คุณอถพิษฐ ฤทธิราเมศวร ธรรมิกราชาธิราช เดโชชัย พรหมเทพาดิเทพนฤบดินทร์ ภูมินทรปรมาธิเบศร โลกเชษฐวิสุทธิ มงกุฏประเทศคตา มหาพุทธางกูร บรมบพิตร พระพุทธเจ้าอยู่หัว" นับเป็น "สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 6"
ด้านการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา
พระองค์ทรงเลื่อมใสในพระพุทธศาสนามาก และได้ทรงสร้างพระพุทธรูปมากมายเช่น พระประธานในอุโบสถวัดสุทัศน์ วัดเฉลิมพระเกียรติ วัดปรินายกและวัดนางนอง ทรงสร้างวัดใหม่ขึ้น 3 วัด คือ วัดบวรนิเวศวิหาร วัดเทพธิดารามและวัดราชนัดดาราม ทรงบูรณปฏิสังขรณ์ วัดเก่าอีก 35 วัด เช่น วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ซึ่งสร้างมาแต่รัชกาลที่ 1 วัดอรุณราชวราราม วัดราชโอรสาราม เป็นต้น
ด้านการค้ากับต่างประเทศ
พระองค์ทรงสนับสนุนส่งเสริมการค้าขายกับต่างประเทศ ทั้งกับชาวเอเชียและชาวยุโรป โดยเฉพาะอย่างยิ่งการค้ากับจีนมาตั้งแต่เมื่อครั้งพระองค์ทรงดำรงพระอิสสริยศเป็นกรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ ส่งผลให้พระคลังสินค้ามีรายได้เพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ มีการแต่งสำเภาทั้งของราชการ เจ้านาย ขุนนางชั้นผู้ใหญ่ และพ่อค้าชาวจีนไปค้าขายยังเมืองจีนและประเทศใกล้เคียง รวมถึงการเปิดค้าขายกับมหาอำนาจจะวันตกจนมีการลงนามในสนธิสัญญาระหว่างกันคือ สนธิสัญญาเบอร์นี พ.ศ. 2369 และ 6 ปีต่อมาก็ได้เปิดสัมพันธไมตรีกับสหรัฐอเมริกาและมีการทำสนธิสัญญาต่อกันใน พ.ศ. 2375 นับเป็นสนธิสัญญาฉบับแรกที่สหรัฐอเมริกาทำกับประเทศทางตะวันออก ส่งผลให้ไทยได้ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจอย่างมาก
เจ้าสัว ร.3 " มหาเศรษฐี
ความหมาย คำว่า " เจ้าสัว " คนที่มีฐานะร่ำรวย เศรษฐี หรือ คหบดี ผู้เป็นเจ้าของกิจการ ที่มีเชื้อสายจีน
มีปรากฏในพระราชประวัติทุกๆ เล่ม ว่า พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 เพราะทรงทำการค้าขายกับจีนจนมีรายได้เข้าสู่ราชอาณาจักรมากมาย ทำให้รัชกาลที่ 2 ผู้เป็นพระราชบิดา จึงได้ตรัส ล้อพระองค์ว่า "เจ้าสัว"
เมื่อ รัชกาลที่ 2 สิ้นพระชนม์ รัชกาลที่ 3 จึงได้ขึ้นครองราช แทน รัชกาลที่ 4 ซึ่งเป็นบุตรพระพมเหสี ก็ด้วยเหตุผลทางด้านความรู้ความสามารถที่เหมาะสม แท้ๆ เพราะพระองค์ เป็นบุตรเจ้าจอมมารดา และมีเชื้อสายจีน แต่ท่านก็เป็นลูกกษัตริย์และเก่งการค้าขาย จึงได้ครองราชสมบัติ และผู้คนเลยตั้งพระนามว่า "กษัตริย์เจ้าสัว" นั่นเอง
และเงินที่ได้จากการค้าขายของรัชกาลที่ 3 ยังถูกนำไปเก็บไว้ในท้องพระคลังหลวง เรียกว่า เงินถุงแดง เพราะใส่ไว้ในถุงแดง ซึ่งต่อมา รัชกาลที่ 5 ได้นำเงินถุงแดงไปจ่ายค่าปฏิกรรมสงครามให้แก่ฝรั่งเศสในวิกฤติการณ์ ร.ศ.112 (ประเทศไทยของเราเกิดกรณีพิพาทกับฝรั่งเศส เรื่องดินแดนฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขง) จึงรอดจากภัยคุกคามของต่างชาติมาได้ และ ช่วยประเทศชาติ รอดพ้นมาได้

https://sites.google.com/site/pluemroy32/phra-rach-prawati-rachkal-thi-3

Translate

โทร: 0953395801

ราคา: 0 บาท

หมวดพระ: พระยอดนิยมทั่วไป-พระสมเด็จ

0 ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบ ไม่สามารถโพสบทความหรือแสดงความคิดเห็นได้ เข้าสู่ระบบ